โฮลิสต้า (ประเทศไทย) | HOLISTA

5 วิธี แก้อาการท้องผูกมาก

5 วิธี แก้อาการท้องผูกมาก

ขับถ่ายไม่คล่อง ถ่ายไม่เป็นเวลา ปวดท้องบิด อาการหลักๆ ของคนที่กำลังเผชิญท้องผูก ระยะเริ่มต้น ต้องบอกเลยว่า อาการท้องผูกเป็นอีกหนึ่งปัญหาสุขภาพที่มักเป็นกันมาก เป็นได้ทุกเพศและทุกช่วงวัย และถ้าไม่แก้ท้องผูกบอกเลยว่า ปัญหาตามมาอีกมากแน่

และถ้าใครที่กำลังเจอปัญหาท้องผูกอยู่มาทางนี้เลย เพราะวันนี้เราจะมาแนะนำ 5 วิธี แก้ท้องผูกมากให้ทุกคนได้รู้กันใครที่ธาตุหนักมาดูกันเลย แต่ก่อนที่จะไปดูวิธีแก้ท้องผูกมาเช็ก อาการท้องผูกของตัวกันเองก่อนดีกว่าว่า คุณเข้าข่ายมีท้องผูกในระดับไหนแล้วเพื่อที่จะได้จัดการแก้ได้อย่างตรงจุด ถ้าใครไม่อยากเผชิญปัญหาอาการท้องผูกไปตลอดมาสำรวจตัวเองไปพร้อมๆ กันเลยค่ะ

เช็กหน่อย อาการแบบไหน ที่เรียกว่า ท้องผูก ??

1. อาการที่บ่องบอกว่าคุณเข้าข่าย อาการ ‘ท้องผูก’ แล้ว ให้ลองสังเกตว่า ถ้าเริ่ม ถ่ายอุจจาระน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ให้เริ่มคิดได้เลยว่า เข้าข่ายอาการท้องผูกแล้วล่ะค่ะ เพราะผู้ที่มีสุขภาพดีจะถ่ายอุจจาระอยู่ในช่วงประมาณ 3-21 ครั้งต่อสัปดาห์

2. เวลาขับถ่าย มักมีอาการถ่ายได้ลำบาก ถ่ายได้ไม่สุด หรืออุจจาระมีลักษณะเป็นก้อนแข็ง ถ้าใครมีอาการแบบนี้ติดต่อกันตลอดเวลาขับถ่ายเสมอ

3. มีอาการเจ็บปวดเวลาที่ต้องเบ่งถ่าย หรือมีเลือดปนออกมากับอุจจาระ และหลังถ่ายอุจจาระเรียบร้อยแล้วยังมีความรู้สึกถ่ายไม่หมดหรือถ่ายอุจจาระไม่สุดเสมอ แบบนี้ก็เข้าข่าย อาการท้องผูก แล้วล่ะค่ะ

รู้แบบนี้แล้วยังอยู่เฉยนิ่งนอนใจไม่ได้แล้วล่ะค่ะ ใครที่มี ‘อาการเหล่านี้’ แล้วอยาก ‘แก้ท้องผูก’ มากันไว้ก่อนที่ต้องไปแก้กันที่โรงพยาบาล ดีกว่าเนอะ มาดู 5 วิธี แก้อาการท้องผูกมาก ที่จะตัวช่วยให้เราสามารถขับถ่ายได้ดีขึ้น แล้วช่วยขับพวกของเสียที่อยู่ภายในลำไส้ออกมาได้ เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหา ถ่ายยากมาก หรือท้องผูกเรื้อรัง ถ้าอยากให้ปัญหานี้หมดไป ตามมาดูกันเลย

หายแน่แค่แก้เป็น รวม 5 วิธี แก้ท้องผูก เอาอยู่หมัด

ดื่มน้ำให้มากเข้าไว้

แก้ท้องผูก ด้วยการดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อย 2 ลิตรหรือประมาณ 8-10 แก้ว
 แก้ท้องผูก ด้วยการดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อย 2 ลิตรหรือประมาณ 8-10 แก้ว

ก็จริงอยู่ว่า น้ำที่เราดื่มเข้าไป เมื่อได้ดูดซึมเข้าร่างกายแล้ว ก็มักจะต้องถูกขับออกผ่านทางปัสสาวะเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ยังมีน้ำบางส่วน ที่จะดูดซึมและถูกขับออกผ่านทางอุจจาระด้วยเหมือนกัน ดังนั้นเวลาที่เราทานน้ำน้อย อาจส่งผลทำให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำ ลำไส้ก็จะมีการดูดน้ำจากอุจจาระที่ตกค้างกลับเข้าสู่ร่างกาย ทำให้อุจจาระแข็ง ถ่ายออกลำบากและมีอาการท้องผูกนั่นเอง เพราะฉะนั้นคนที่อยากจะ แก้ท้องผูก ข้อแรกที่เราอยากจะแนะนำก็คือ ควรดื่มน้ำสะอาดให้ได้มากที่สุด อย่างน้อย 2 ลิตร หรือประมาณ 8-10 แก้วต่อวันค่ะ
โดยช่วงแรกหากใครยังปรับตัวไม่ได้ ให้ลองเพิ่มปริมาณในการดื่มน้ำปกติของตัวเอง เข้าไปสัก 3-4 แก้ว ควบคู่ไปกับการรับประทานอาหารที่ย่อยง่ายและดีต่อสุขภาพไปด้วย เพราะ น้ำสะอาด ที่เรากินเข้าไปเยอะๆ จะเข้าไปช่วยทำให้อุจจาระพองตัว นุ่ม และเบ่งออกได้ง่าย รวมไปถึงลดการอุดตันของลำไส้ด้วย และที่สำคัญควรที่หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้จะดีมากค่ะ

ขับถ่ายให้เป็นเวลา

ท้องผูก_แก้ท้องผูก_ขับถ่ายให้เป็นเวลา
ปรับเวลาขับถ่ายให้เป็นเวลา ก็ช่วยได้

ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า วิถีชีวิตคนยุคใหม่อยากเราๆ ที่ต้องใช้ชีวิตแบบเร่งรีบ ทำอะไรก็ต้องแข่งขันกับเวลา ปัจจัยเหล่านี้กระตุ้นให้เกิดผลกระทบต่อร่างกายของเราชัดเจน โดยเฉพาะ อาการท้องผูก เนี่ยล่ะค่ะ ผู้ที่มีอาการท้องผูกบ่อยๆ ส่วนใหญ่มากเริ่มมาจากพฤติกรรมการขับถ่ายที่ไม่เป็นเวลา และเมื่อเป็นบ่อยๆ ส่งผลให้อาการท้องผูกรุนแรงขึ้นได้ เพราะฉะนั้น หากอยากแก้ท้องผูก ก็แนะนำว่าขับถ่ายให้เป็นเวลา คือสิ่งสำคัญ เหมือนการตั้งนาฬิกาชีวิตไว้ โดยควรเริ่มปรับพฤติกรรมการขับถ่ายในแต่ละวัน ให้เป็นเวลาเดิม ใกล้เคียงกันทุกวัน ไม่ควรไม่กลั้นอุจจาระเมื่อเกิดอาการปวด หรือไม่ขับถ่ายด้วยความรีบเร่ง และไม่เบ่งแรงเพราะอาจจะเกิดอาการบาดเจ็บขึ้นได้
นอกจากนี้ ท่านั่งหรือสรีระในการนั่งขับถ่ายก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะจะช่วยให้สะดวกต่อการขับถ่ายมากยิ่งขึ้น อย่าง การนั่งถ่ายบนโถส้วมชักโครกนั้น ควรโค้งตัวไปด้านหน้าเล็กน้อย อาจมีเก้าอี้ตัวเล็กรองบริเวณขา เพื่อชันเข่าขึ้นมาเล็กน้อย ทำให้หัวเข่าอยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่าสะโพกนั่นเองค่ะ การปรับเปลี่ยนวิธีง่ายๆ นี้ก็สามารถช่วย แก้ท้องผูกได้เช่นกันค่ะ

ฝึกสมาธิแก้ท้องผูก

ท้องผูก_แก้ท้องผูก_ฝึกสมาธิ
แก้ท้องผูกด้วย การฝึกสมาธิ

มาต่อกันที่ วิธีแก้ท้องผูก ข้อที่ 3 กันแล้ว อย่างที่บอกว่า สรีระก็ส่งผลต่อการขับถ่ายได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้น วิธีช่วยแก้ท้องผูกดีอีกหนึ่งวิธีนั้นก็คือ การฝึกสมาธิแบบเคลื่อนไหว (Yoga) ใช่แล้วค่ะฟังไม่ผิด การทำสมาธินั้น จะช่วยลดความวิตกกังวล รวมถึงร่างกายและจิตใจก็จะผ่อนคลายตามไปด้วย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ส่งผลให้ระบบประสาทและอวัยวะในร่างกายทำงานมีประสิทธิภาพได้เป็นอย่างดี ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ บำบัดอาการท้องผูก ช่วยขับลม ทั้งยังช่วยให้ระบบย่อยทำงานดีขึ้นสามารถช่วยแก้ท้องผูกได้ แถมยังช่วยแก้ปวดหลังและปวดเอวได้อีกด้วยค่ะ

โดยวิธีการนั่งสมาธิก็มีหลากลายวิธี สำหรับวิธีที่ช่วยแก้ท้องผูกได้ก็คือ การทำสมาธิเคลื่อนไหว โดยมีวิธีฝึกสมาธิง่ายๆ ตามนี้เลย

1. ยืนตัวตรง แยกเท้าทั้งสองข้างพอประมาณ แขนทั้งสองข้างแนบลำตัว จากนั้นหลับตาลงช้าๆ สูดลมหายใจเข้าทางจมูก นับ 1 – 5 กลั้นหายใจ นับ 1 – 3 แล้วเป่าลมหายใจออกทางปากช้าๆ นับ 1 – 5 นับเป็นหนึ่งรอบ (ทำซ้ำ 5 รอบ)

2. ยกแขนขึ้นโดยให้ข้อศอกทั้งสองข้างอยู่ระดับเอว หันฝ่ามือทั้งสองข้างเข้าหากัน แล้วขยับเข้าหากันช้าๆ นับ 1 – 3 และขยับมือออกช้าๆ นับ 1 – 3 ทำทั้งหมด 36 – 40 รอบ แล้วกลับสู่ท่ายืนเริ่มต้น

3. หายใจเข้าลึกๆ นับ 1 – 5 ค่อยๆ ยกมือขึ้นเหนือศีรษะ จินตนาการว่ากำลังประคองหรืออุ้มแจกันใบใหญ่ไว้บนศีรษะ แล้วค่อยๆ ลดมือลงวางข้างลำตัว นับเป็นหนึ่งรอบ ทำทั้งหมด 36 – 40 รอบ แล้วกลับสู่ท่ายืนเริ่มต้น

การฝึกบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน

แก้ท้องผูก ด้วยการบริหารอุ้งเชิงกรานบ่อยๆ

วิธีนี้เป็นวิธีที่อาจจะยากขึ้นมาอีกหน่อย เพราะอาจจะต้องมีผู้ช่วยอย่างนักกายภาพช่วยเรารักษาอย่างใกล้ชิด และมีอุปกรณ์เข้ามาช่วยฝึกด้วย สำหรับ การฝึกบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานหรือที่เรียกว่า ไบโอฟีดแบ็กนี้ก็คือ (Biofeedback Training) วิธีการฝึกและควบคุมการทำงานและผ่อนคลายกล้ามเนื้อบริเวณอุ้งเชิงกราน
โดยจะเป็นการฝึกขมิบเพื่อเน้นบริหารกล้ามเนื้อที่ควบคุมการขับถ่ายโดยเฉพาะเลย เพื่อทำให้เราเข้าใจถึง วิธีการขับถ่ายที่ถูกต้อง ทั้งท่าทาง การหายใจ การผ่อนคลายกล้ามเนื้อหูรูด และการรับรู้ความรู้สึกค่ะ วิธีนี้เมื่อทำต่อเนื่องกัน เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ และเป็นวิธีที่ได้ผลในระยะยาว โดยที่เราไม่ต้องพึ่งยารักษาเลยค่ะ

เสริมการทำงานของลำไส้ด้วยโปรไบโอติกส์ แก้ท้องผูก

มาถึง วิธีสุดท้าย เป็นอีกหนึ่งวิธี แก้ท้องผูก ที่ง่ายและสะดวกที่อยากจะแนะนำเลยนั่นก็คือ เสริมการทำงานของลำไส้ด้วยโปรไบโอติกส์ (PROBIOTIC) นั่นเอง สำหรับ เจ้าโปรไบโอติกส์ ก็คือ แบคทีเรียที่มีประโยชน์ชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่ภายในลำไส้ของคนเรา โดยไม่ก่อโรคแก่ร่างกาย ซึ่งแบคทีเรียเหล่านี้ จะมีหน้าที่ช่วยสร้างความสมดุล ของสภาวะในระบบการย่อยอาหาร โดยการทำงานของ โปรไบโอติกส์ ก็คือจะไปลด แบคทีเรียชนิดที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ให้ไม่มีอยู่มากจนเกินไป และช่วยปรับการทำงานของลำไส้ให้เป็นปกตินั่นเองค่ะ
โดยการรับประทานโปรไบโอติกส์ที่พบในอาหารต่าง ๆ หรือผลิตภัณฑ์โปรไบโอติกส์ ในรูปแบบอาหารเสริมอาจเป็นอีกตัวเลือกที่ช่วยแก้ท้องผูกให้ดีขึ้นได้ อีกทั้งยังค่อนข้างปลอดภัยและไม่ค่อยเกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายอีกด้วยค่ะ

แก้ท้องผูก ด้วย ‘ HOLISTA Probiotic Fiber Detox ’

แก้ท้องผูกด้วย การเสริมโปรไบโอติกส์

และนี่ก็คือตัวอย่าง อาหารเสริมที่มีส่วนผสมของโปรไบโอติกส์ อย่าง ‘HOLISTA Probiotic Fiber Detox‘ ดีท็อกลำไส้ และล้างสารพิษต่างๆ ที่สะสมภายในร่างกายไปพร้อมๆ ปรับสมดุลระบบภายในร่างกายให้กลับมาทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยใน HOLISTA นี้ความเด่นของเค้าก็คือ มีส่วนผสมของ PROBIOTIC จุลินทรีย์ตัวสำคัญที่ช่วย แก้ท้องผูก ที่ไม่ใช่สายพันธุ์ทั่วๆ ไปนั่นก็คือ สายพันธุ์ Bacillus Coagulans ที่เป็นสายพันธุ์พิเศษ ถูกคัดสรรมาอย่างดีจากประเทศสหรัฐอเมริกา
โดย PROBIOTIC สายพันธุ์นี้ มีผลวิจัยออกมาแล้วว่า มีประสิทธิภาพในการฟื้นฟูระบบลำไส้ได้มากกว่า PROBIOTIC ทั่วไป ถึง 90% เลย หรือให้พูดเข้าใจง่ายๆ ได้ว่า จุลินทรีย์ชนิดนี้มีประสิทธิภาพมากกว่า จุลินทรีย์ที่มีอยู่ในโยเกิร์ตถึง 100 เท่าเลยทีเดียวค่ะ และนอกจากนี้ใน HOLISTA Probiotic Fiber Detox ยังมีส่วนผสมจากธรรมชาติแท้ 100% รวมแล้วอีกกว่า 20 ชนิดเลย จนได้กลายเป็นสูตร แก้ท้องผูก ลับเฉพาะของ HOLISTA เค้าเลย ดีแบบนี้ คนที่มีลำไส้ไม่ดี มีอาการถ่ายยาก ปวดท้องบิดบ่อยๆ ต้องแก้ท้องผูกควรมีไว้สักกล่องแล้วล่ะค่ะ

ครบแล้วทั้ง 5 วิธี แก้ท้องผูก (อาหารแก้ท้องผูก) ที่เราเอามาแนะนำให้กับ คนที่มี อาการท้องผูกมากๆ กันในรอบนี้ แต่เราขอรับรองเลยว่า ถ้าหากลองเอาวิธีเหล่านี้ไปใช้ อาการท้องผูกที่น่าอัดอึดของคุณ ก็จะทุเลาลงอย่างเห็นได้ชัด และดีขึ้นแน่นอน นอกจากจะได้วิธีแก้ท้องผูก ขับถ่ายไม่เป็นเวลา ได้อย่างตรงจุดแล้ว ผลดีที่จะได้ตามมาจากคือสุขภาพที่แข็งแรง และยังได้ผิวพรรณที่เปล่งปลั่งออกมาจากภายในสู่ภายนอกด้วย
แต่ก่อนจากกันไป ต้องขอบอกเพิ่มว่า ธรรมชาติในการขับถ่ายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางครั้งบางคนอาจจะมีอาการท้องผูกเกิดขึ้นนี้ได้บ่อยๆ หรือบางคนอาจจะมีอาการนี้บ้างนานๆ ครั้ง แต่ทุกครั้งที่มีอาการ อย่าปล่อยไว้ ต้องหาวิธีแก้ท้องผูกให้ทันท่วงที เพราะอาการท้องผูกที่เราคิดว่าเล็กน้อยนี้ อาจจะกลายเป็น ท้องผูกเรื้อรัง และที่อันตรายไปกว่านั้นก็คือ พวกสิ่งตกค้างต่างๆ ที่สะสมอยู่ในลำไส้ที่หมักหมกจนกลาย โรคร้ายต่อเราได้ อย่าให้ความเคยชินและความละเลย ทำร้ายสุขภาพที่มีค่าของเราไปได้ค่ะ