หากถามถึงอาการท้องผูก หลายๆ คนอาจจะมีอาการที่ไม่เหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นจะรู้ได้ยังไงว่าแบบนี้เรียกว่าอาการท้องผูก งานนี้ต้องได้เข้าใจไปแบบเคลียร์ๆ ที่สำคัญจะพาไปรู้ให้ลึกถึงสาเหตุและพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับอาการท้องผุก รวมถึงวิธีรักษาอาการท้องผูกง่ายๆ ที่ช่วยให้หายกังวลได้เพียงกินและดีท็อกซ์ร่างกายอย่างถูกวิธี
ปัญหาภาวะ ‘ท้องผูก’ คือเมื่อเข้าห้องน้ำแล้วนั่งนาน อยากถ่ายแล้วถ่ายไม่ออก แถมจะเข้าห้องน้ำแต่ละทีใช้เวลาหลายวันหรือบางครั้งก็ยาวนานเป็นสัปดาห์ แบบนี้คือใช่ใช่มั้ย ? บอกเลยว่า อาจใช่ แต่ไม่ทั้งหมด นั่นไม่ถือเป็นอาการที่แสดงถึงภาวะท้องผูกไปซะทุกข้อนะ
เพราะจริงๆ แล้วจำนวนครั้งในการขับถ่ายของแต่ละคนมักจะไม่เท่ากัน ต่างก็มีพฤติกรรมการขับถ่ายที่เป็นไปตามกลไกในร่างกายของแต่ละบุคคล ดังนั้นหากคนที่ถ่ายอุจจาระทุก 3 วันเป็นประจำ หรือใช้เวลาหลายวันกว่าจะถ่ายอุจจาระซักครั้งก็จริง แต่การถ่ายแต่ละครั้งยังคงมีผิวอุจจาระที่อ่อนนุ่ม ผิวฟู จับตัวเป็นก้อนดีอยู่ และไม่ต้องใช้แรงเบ่งจนเนื้อตัวเกร็ง หน้าบิดเบี้ยวไปหมด ก็ยังถือว่าเป็นการขับถ่ายที่ปกติสำหรับตัวคุณเองอยู่ ไม่ต้องกังวลใจไปหรอก
งั้นจะรู้ได้ยังไงว่าตอนนี้ร่างกายของเราเข้าสู่ภาวะท้องผูกแล้ว หรือแบบนี้ยังเรียกว่าไม่ใช่ท้องผูกอีก..
สรุปให้เห็นภาพชัดๆ ว่าต้องมีอาการทั้งหลายเหล่านี้รวมกัน นี่แหละคืออาการท้องผูก
– อุจจาระน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือน้อยครั้งกว่าที่เคยถ่ายเป็นประจำ
– เข้าห้องน้ำแต่ละครั้ง ต้องใช้แรงเบ่งมาก และนั่งเบ่งเป็นเวลานาน
– ถ่ายน้อย อุจจาระมีลักษณะเป็นก้อนแข็ง หรือเม็ดเล็กๆ
– รู้สึกถ่ายอุจจาระไม่สุด อึดอัด แน่นท้อง
– ต้องใช้ตัวช่วยอย่าง น้ำฉีด หรือมือช่วยล้วง
– หากสงสัยว่าตัวเราเข้าข่ายอาการท้องผูกเหล่านี้หรือไม่ ให้ลองเช็คดูว่ามีอาการตามที่ว่ามา
นี้กี่ข้อ หากเป็นอย่างน้อย 1 ข้อก็อย่ารอช้า เพราะอาการท้องผูกนั้นส่งผลเสียอย่างมากต่อทั้งร่างกายและจิตใจ ปล่อยไว้เรื้อรังก็ยิ่งไม่ดี เพราะงั้นหากแก้ไขได้จงรีบทำด่วนๆ
ทำความเข้าใจกันก่อนว่าโรคท้องผูก (Constipation) โรคยอดฮิตของคนทุกกลุ่ม แต่มักพบมากในกลุ่มหนุ่มสาวออฟฟิศ โดยจะมีอาการถ่ายอุจจาระน้อยกว่าปกติหรือถ่ายอุจจาระไม่ออกเป็นเวลานาน ซึ่งสาเหตุของอาการนี้เกิดจากลำไส้มีการบีบตัวหรือเคลื่อนตัวช้าในระหว่างการย่อยอาหาร ทำให้ไม่สามารถกำจัดอุจจาระออกจากระบบทางเดินอาหารได้อย่างปกติ จึงทำให้เกิดการตกค้างในลำไส้ใหญ่เป็นเวลานานจนมีการดูดน้ำในอุจาระกลับ ส่งผลให้อุจจาระมีลักษณะแห้ง แข็งและมีขนาดใหญ่ขึ้น เวลาถ่ายออกจึงค่อนข้างลำบากกว่าปกตินั่นเอง
แต่หากมองย้อนดูให้ลึกกว่านั้น สาเหตุของการท้องผูกอาจมีสาเหตุอื่นๆ ที่ส่งผลร่วมกันอีก ได้แก่ พฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง ทั้งการกิน ดื่ม อาหารที่มีกากใยไม่เพียงพอในแต่ละวัน, การดื่มน้ำที่น้อยเกินไป, การนั่งเป็นเวลานานๆ ทำให้ร่างกายขาดการเคลื่อนไหวและลำไส้ไม่บีบตัว, การขาดการออกกำลังกาย, การกลั้นอุจจาระบ่อยครั้ง
หรือบางครั้งอาจเกิดจากสาเหตุเพียงพฤติกรรมการเบ่งถ่ายอุจจาระที่ไม่ถูกวิธี มีการออกแรงเบ่งไปพร้อมๆ กับการขมิบหูรูดบริเวณทวารหนักไปด้วย หรือาจเป็นเพราะผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิด เช่น กลุ่มยาที่ใช้รักษาอาการโรคซึมเศร้า, ยาลดกรดที่มีส่วนผสมของแคลเซียมหรืออะลูมิเนียม, ยาลดความดันโลหิต เป็นต้น
รวมถึงอาการท้องผูกที่เกิดจากการทำงานของลำไส้ใหญ่ผิดปกติ ลำไส้ใหญ่มีการเคลื่อนไหวน้อยลง ส่งผลให้อุจจาระเคลื่อนตัวลงมาช้ากว่าปกติ เรียกภาวะนี้ว่าภาวะลำไส้เฉื่อย ซึ่งจะทราบได้จากการตรวจดูการเคลื่อนผ่านของอุจจาระภายในลำไส้ใหญ่ (colonic transit time)
จะเห็นว่าจริงๆ แล้วอาการท้องผูกสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกๆ คน โดยปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการท้องผูกมากถึง 50% มีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่มีกากใยน้อย ดื่มน้ำน้อย ไม่ออกกำลังกาย หรือไม่ค่อยเคลื่อนไหวร่างกาย หรือแม้กระทั่งการกลั้นอุจจาระบ่อยๆ นั่นเอง
อย่างที่บอกว่าอาการท้องผูกมีผลกระทบต่อร่างกายของเราไม่ว่าจะทั้งสุขภาพกายและใจ หลายๆ คนรู้สึกอึดอัด เบื่ออาหาร รู้สึกไม่สดชื่นกระปรี้กระเปร่า ปวดหัว ปวดหลัง และแสบร้อนบริเวณหน้าอก ไปจนถึงขั้นเครียดเลยก็มี ที่สำคัญโรคนี้ยังนำพาไปสู่โรคริดสีดวงทวารอีกด้วย
ไม่แค่นั้น ใครที่มีปัญหาท้องผูกบ่อยๆ อาจจะทำให้ความดันในช่องทรวงอกเพิ่มขึ้น รวมไปถึงความดันในลูกตาสูงขึ้น ซึ่งเป็นอันตรายมากๆ ทั้งยังทำให้แรงดันในช่องท้องสูงขึ้นจนเป็นสาเหตุของไส้เลื่อนได้ นอกจากนี้ยังทำให้กล้ามเนื้อในอุ้งเชิงกรานอ่อนแอ จนกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ร้ายแรงไปจนถึงขั้นท้องผูกเรื้อรังจนทำให้มีอาการของลำไส้อุดตัน ได้แก่ ปวดท้องมาก อึดอัดแน่นท้อง คลื่นไส้อาเจียน ไม่ผายลม และไม่ถ่ายอุจจาระ และด้วยสาเหตุและผลเสียเหล่านี้ จึงทำให้เราต้องหันมาดูแลสุขภาพตัวเองให้มากขึ้น และเล็งเห็นความสำคัญของการดีท็อกซ์ ที่มาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่หลายๆ คนให้ความสนใจ สามารถช่วยล้างพวกสิ่งตกค้างต่างๆ ออกไปจากลำไส้ของเรา ลดอาการแน่นท้อง คลายปัญหาท้องผูกได้อย่างถูกวิธี
หากเริ่มแก้จากวิธีที่ง่ายที่สุดคือปรับที่อาหารการกินก่อนเลย เพราะอุจจาระของเราก็มาจากอาหารหรือเครื่องดื่มที่เรากินเข้าไป รวมกับของเสียอื่นๆ ในร่างกายจนกลายสภาพมาเป็นมวลที่พร้อมเกิดการขับถ่ายนั่นแหละ ดังนั้นจึงควรเพิ่มอาหารที่เป็นกากใยในแต่ละมื้อให้มากยิ่งขึ้น หรือของกินที่มีฤทธิ์ช่วยระบาย หรือมีแบคทีเรียและจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ต่อลำไส้ รวมถึงดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ เพื่อที่จะช่วยให้ลำไส้ทำงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
เช็คเลย 10 อาหารแก้อาการท้องผูก ชอบแบบไหนก็เลือกกินได้แบบที่ชอบ
อีกวิธีการรักษาอาการท้องผูกง่ายๆ อีกวิธีหนึ่งคือต้องรู้จักช่วยลำไส้ นั่นคือช่วยดีท็อกสารพิษออกจากร่างกายบ้าง โดยการหาเครื่องดื่มดีท็อกล้างสารพิษอย่าง Holista Fiber Detox มาดื่ม เพื่อช่วยทั้งเรื่องปรับสมดุลลำไส้ แก้อาการท้องผูก ฟื้นฟูระบบย่อยอาหาร ล้างสารพิษในร่างกาย รวมถึงช่วยลดอาการกรดไหลย้อน ท้องอืด ให้หน้าท้องยุบ โล่ง สบายได้
เพราะ HOLISTA Rabalance (โฮลิสต้า รีบาลานซ์) คือ นวัตกรรม Health & Beauty Detox จาก USA ที่รวม Probiotic (โปรไบโอติกส์) + Prebiotic (พรีไบโอติกส์) และ Plant Enzyme เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อช่วยแก้อาการท้องผูกได้อย่างล้ำลึกถึงต้นตอของปัญหา และสามารถแก้รวมไปได้อีกหลายอาการที่เกี่ยวข้อง ทั้งปรับสมดุลลำไส้อย่างเป็นธรรมชาติ, ช่วยลดแก๊สในกระเพาะอาหาร, ช่วยขับล้างสารพิษที่ตกค้างในลำไส้ ในเลือด และในตับ, ช่วยให้เลือดไหลเวียนดียิ่งขึ้น, ช่วย Block แป้ง และ ไขมัน, ช่วยในการควบคุมน้ำหนัก สามารถดื่มแทนมื้ออาหารเย็นได้, ช่วยรักษาอาการสิวเรื้อรังทั้งที่ใบหน้า และ ที่หลัง, และช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง แลดูอ่อนเยาว์ได้ด้วย
แต่เห็นโฮลิสต้ามีคุณสมบัติที่ดีงาม ช่วยแก้อาการท้องผูกและอาการอื่นๆ ข้างเคียงได้ครอบจักรวาลขนาดนี้ บอกเลยว่าไม่ต้องกลัวเรื่องการเป็นอาหารเสริมอันตราย หรือกลัวว่าจะมีส่วนผสมที่ไม่ปลอดภัยต่อร่างกายรึเปล่า วางใจได้เลยเพราะ HOLISTA Rabalance (โฮลิสต้า รีบาลานซ์) ผ่านการรับรองมาตรฐานระดับสากล
– มีผลวิจัยรับรองส่วนผสม จาก Wageningen Academic Publishers ที่สหรัฐอเมริกา
– ส่วนผสมสกัดจากธรรมชาติ 100%
– มี อย. รับรอง ถูกต้อง ปลอดภัย
– ผ่านมาตรฐาน GMP และ HACCP ระดับสากล
ที่สำคัญโฮลิสต้า ไฟเบอร์ ดีท็อกยังเป็นสินค้าที่มีจำหน่ายในโรงพยาบาลชั้นนำ แนะนำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และเภสัชกรด้วย เพราะฉะนั้นก็สบายใจหายห่วงได้เลย เพียงเลือกดื่มวันละซองก่อนนอนจะช่วยให้ขับถ่ายง่าย ไม่ปวดบิด ไม่ต้องเข้าห้องน้ำหลายครั้งจนเพลีย และเมื่อดื่มต่อเนื่องเป็นประจำ 1-2 สัปดาห์ก็จะช่วยให้สบายท้องมากขึ้น คลายท้องอืด ลดกรดไหลย้อน และช่วยลดหน้าท้อง ปรับสมดุลร่างกายได้ในที่สุด ที่สำคัญเมื่อหยุดกินก็ไม่ต้องกลัวว่าลำไส้จะทำงานลดประสิทธิภาพลง เพราะระบบลำไส้ได้รับการปรับสมดุลจนทำงานเป็นปกติได้อยู่ตลอด
และอย่าลืมลองใช้วิธีอื่นร่วมด้วย ทั้งการออกกำลังกาย เดินเคลื่อนไหวร่างกายทุก 1-2 ชั่วโมงให้เป็นนิสัย หลังจากลองปรับพฤติกรรมตามที่ว่ามาทั้งหมดนี้แล้ว รับรองว่านี่จะแหละคือวิธีที่ง่ายที่สุดในการรักษาอาการท้องผูกได้ตรงจุด และลึกถึงต้นตออย่างแท้จริง
เอาล่ะ หวังว่าจากนี้ทุกคนจะห่างไกลจากอาการท้องผูกมากขึ้น และหากว่าใครมีอาการนี้อยู่ ก็อย่าลืมทบทวนสาเหตุและรักษาอาการท้องผูกตามที่ว่ามากันนะ จะได้ไม่ต้องเสียสุขภาพกันทั้งกายทั้งใจทั้งลำไส้ยังไงล่ะ