มีหลายแบรนด์ หลากหลายสูตร แล้ว PROBIOTIC [โพรไบโอติกส์ / โปรไบโอติกส์] แบรนด์ ไหนดี?
แนะนำให้คุณเลือกทาน
ตามสูตรที่อาจารย์หมอแนะนำ
เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน แบบไม่เสียเงินฟรี
และไม่มีผลข้างเคียง ทั้งในระยะสั้น และ ระยะยาว
1 PROBIOTIC [โพรไบโอติกส์ / โปรไบโอติกส์] ที่เลือกมาจะต้อง มีจำนวนอย่างน้อย 30,000 ล้าน CFU / ซอง และ มีความหลายหลายทางสายพันธุ์ ทั้งกลุ่มที่เป็น Lactobacillus, Bifidobacterium และ Bacillus โดยต้องมีนวัตกรรม Three Layer Micro-encapsulation ที่สามารถปกป้องเชื้อ PROBIOTIC [โพรไบโอติกส์ / โปรไบโอติกส์] ให้มีชีวิตรอดจากการถูกทำลายจากกรดในน้ำลาย และ กรดในกระเพาะอาหาร เพื่อส่งต่อเข้าฟื้นฟูระบบต่างๆ ในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2 ในผลิตภัณฑ์ต้องมี PREBIOTIC [พรีไบโอติก] ที่เป็นอาหารของจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์อย่างเพียงพอ เพราะหากเราทาน PROBIOTIC [โพรไบโอติกส์ / โปรไบโอติกส์] โดยไม่มี PREBIOTIC [พรีไบโอติก] ก็เปรียบเสมือนเราส่งกองทหารเข้าไปสู้ โดยไม่ได้ส่งเสบียงให้กองทหารของเราเลยซึ่ง PREBIOTIC [พรีไบโอติก] ที่มีประสิทธิภาพสูง เปรียบเสมือนอาหารที่จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในร่างกายชอบอย่าง Partially Hydrolysed Guar Gum (Sunfiber) ที่มีงานวิจัยจากประเทศญี่ปุ่น ว่าไม่เพียงจะเป็น PREBIOTIC [พรีไบโอติก] ที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยฟื้นฟูสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้อย่างรวดเร็วแล้ว ยังช่วยลดปริมาณน้ำตาลในอาหารได้มากถึง 20%
3 ควรเลือกสูตรที่มีสารสกัดกลุ่มชะเอมเทศ [GutGrad®] ที่มีฤทธิ์ช่วยฟื้นฟูระบบย่อย และมีงานวิจัยว่า ช่วยลดเชื้อ H. pylori ที่เป็นสาเหตุของการเกิดแผลในกระเพาะอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยงของการเป็นโรคมะเร็งกระเพาะอาหารได้อย่างมีนัยสำคัญ
4 ควรเสริมด้วยแอปเปิลไซเดอร์ [Apple Cider] ที่สามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรียที่ไม่ดี ร่วมกับ เอนไซม์ปาเปน และ เอนไซม์บรอมีเลน ที่พบมากใน มะละกอ และ สับปะรด เพื่อช่วยลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ บรรเทาและป้องกันอาการอาหารไม่ย่อยได้อย่างเป็นธรรมชาติ