HOLISTA®

3 โพรไบโอติก พรีไบโอติก ยี่ห้อไหนดี ที่หมอแนะนำ 2025

ใครมีปัญหาเรื่องการขับถ่ายยากจะเข้าใจดีว่าอาการท้องผูก มันอึดอัด ไม่สบายตัวขนาดไหน และนอกจากความรู้สึกอึดอัดท้อง ไม่ค่อยสบายตัว ปัญหาเรื่องลำไส้ ท้องผูก ขับถ่ายยาก ยังส่งผลต่อสุขภาพร่างกายในหลายด้านอีกด้วยนะ เพราะในเวลาที่เราไม่ค่อยได้ขับถ่ายออกมา อาจจะทำให้เกิดเชื้อโรคสะสมในร่างกาย ทำให้เกิดกลิ่นปากและกลิ่นตัว และยังส่งผลต่อโรคทางลำไส้ ไปจนถึงทำให้ผิวเสียได้ด้วย ซึ่งการเลือกทานสารอาหารที่ดีให้ประโยชน์แก่ร่างกาย เน้นที่มี Probiotic สูงก็เป็นอีกตัวช่วยหนึ่งในการฟื้นฟูลำไส้และการขับถ่ายให้ดีขึ้นได้

โดยโปรไบโอติก หรือโพรไบโอติกและพรีไบโอติก นั้นเป็นอีกหนึ่งในตัวช่วยสำคัญที่ช่วยดูแลลำไส้ได้ดี เพราะเป็นจุลินทรีย์มีชีวิตชนิดดีที่ช่วยให้ระบบลำไส้และระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น มีมากในผัก ผลไม้ และอาหารหมักดองที่มีประโยชน์อย่าง กิมจิ โยเกิร์ต ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็มีโพรไบโอติกและพรีไบโอติกในรูปแบบอาหารเสริมมาให้เลือกหลายยี่ห้อเลย นอกจากเลือกที่คุณประโยชน์และส่วนประกอบเป็นหลักแล้ว ต้องดูถึงความปลอยภัย น่าเชื่อถือด้วย บทความนี้เลยไม่พลาดเอา Top 3 โพรไบโอติกและพรีไบโอติกที่หมอนแนะนำ มาแบ่งปันเพื่อน ๆ กันด้วย จะมีโพรไบโอติก พรีไบโอติก ปรับสมดุลลำไส้ ยี่ห้อไหนดี ลองตามไปดูกัน

Top 3 โพรไบโอติก พรีไบโอติก ยี่ห้อไหนดี ที่หมอแนะนำ 2025

1. Holista Gold โพรไบโอติก

<รูปภาพ : holista gold probiotic>

ALT Text : holista_gold_probiotic

มาเริ่มกันที่ตัวแรก Holista Gold สำหรับตัวนี้จะเป็นโพรไบโอติก ที่เด่นกว่าอีก 2 ตัวในรีวิว ตรงที่มีส่วนประกอบของ Probiotic ถึง 14 สายพันธุ์ เลยมีส่วนช่วยบำรุงและรักษาอาการต่าง ๆ ได้ค่อนข้างครอบคลุมกว่าตัวอื่น และยังรวบรวม 5 ราชาแห่งสารสกัดเรื่องปรับสมดุลระบบร่างกายเข้าไว้ด้วยกัน นอกจากนั้นยังมีพรีไบโอติก อาหารของโพรไบโอติก ตัวช่วยเสริมให้จุลินทรีย์โพรไบโอติกทำงานได้ดียิ่งขึ้น และยังมีสารอาหารดีต่อลำไส้อีกหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น SunFiber, GutGard, PLANT Enzyme, Apple Cider, และ Prune

ทานแล้วจะช่วยให้รู้สึกสบายตัว ท้องไม่อืดง่าย ถ่ายสุด อุจจาระสุขภาพดี ลดการอักเสบในร่างกาย ช่วยให้หลับสนิทขึ้น ตื่นมาสดชื่น สมองแจ่มใส ร่างกายดูดซึมสารอาหารและวิตามินไปใช้ได้เต็มที่  ลดกรดไหลย้อน บรรเทาโรคกระเพาะ ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย และอีกหนึ่งอย่างที่ Holista Gold เด่นกว่าตัวอื่นคือเป็นสูตรไม่มีน้ำตาล หมดกังวล เรื่องน้ำตาลสะสม ทั้งเขายังมีการการันตีด้วยรางวัลระดับโลก และได้รับสิทธิบัตร THREE LAYER Micro-Encapsulation มาแล้วด้วย

จุดเด่น
Probiotic 14
สายพันธุ์ มีสารอาหารดีต่อลำไส้หลายชนิด 
ไม่มีน้ำตาล ทานง่าย ชงแล้วดื่ม
มีจุลินทรีย์ตัวดี 30,000 ล้าน CFU

ปริมาณ 1 กล่อง (10 ซอง)
ราคา 2,190 บาท
ราคาพิเศษ 1,890 บาท

2. Holista Plus โพรไบโอติก

<รูปภาพ : holista plus probiotic>

ALT Text : holista_plus_probiotic

มาต่อกันที่ Holista Plus สำหรับโพรไบโอติกตัวนี้จะเหมาะสำหรับคนที่ถ่ายยาก ถ่ายไม่สุด ท้องผูกบ่อย ๆ ลองตัวนี้แล้วน่าจะตอบโจทย์เลย เพราะ Holista Plus เขามีส่วนช่วยรีเซตลำไส้ให้กลับมาแข็งแรง ผ่านกระบวนการ 3 ขั้นตอนอย่างการซ่อมแซมสมานแผลตามผนังลำไส้ลดการอักเสบต่อมาช่วยปรับสมดุลจุลินทรีย์ดีและช่วยเสริมภูมิสร้างระบบภูมิในลำไส้ใหญ่ให้แข็งแรง

ด้วยสารสกัดโพรไบโอติกและพรีไบโอติก รวมกันถึง 9 ชนิด ตัวช่วยปรับสมดุลลำไส้ นอกจากนั้นยังมีสารสกัดช่วยบำรุงร่างกายอีกหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นสารสกัดขมิ้นชัน+คลอโรฟิลล์ ช่วยลดการอักเสบและสมานแผลในผนังลำไส้ สารสกัดไซเลี่ยมฮักซ์ ช่วยกำจัดของเสียตกค้าง ล้างเมือกที่เกาะตามลำไส้ และสารสกัดซุปเปอร์ฟรุตกว่า 10 ชนิด ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มภูมิคุ้มกันให้เซลล์ร่างกาย และอีกหนึ่งจุดเด่นของโพรไบโอติกตัวนี้คือไม่มีสารตกค้าง ไม่มีผลต่อตับและไต สามารถทานได้ต่อเนื่องในระยะยาวด้วย

จุดเด่น
มีสารสกัดบำรุงลำไส้หลายชนิด ไม่มีสารตกค้าง ไม่มีผลต่อตับและไต

ปริมาณ 1 กล่อง (7 ซอง)
ราคา 1,890 บาท
ราคาพิเศษ 990 บาท

3. Holista Wiss โพรไบโอติก สูตร Psychobiotic

<รูปภาพ : holista wiss probiotic>

ALT Text : holista_wiss_probiotic

ใครที่กำลังมองหา โพรไบโอติก ยี่ห้อไหนดี ที่ดูแลได้มากกว่าการขับถ่าย ต้องไม่พลาด Holista Wiss เพราะนี่คือผลิตภัณฑ์ โปรไบโอติก (Probiotic) สูตรพิเศษที่รวม โพรไบโอติก พรีไบโอติก และโพสต์ไบโอติก (Postbiotic) เข้าไว้ด้วยกันในสูตรเดียว พร้อมสารสำคัญที่มีงานวิจัยระดับโลกรองรับ

Holista Wiss เป็น สูตร Psychobiotic ที่ผสานแบคทีเรียโพรไบโอติก 3 ชนิด และ พรีไบโอติก (Prebiotic) 1 ชนิด ที่ได้รับการรับรองทางการแพทย์ว่าปลอดภัยและมีประสิทธิภาพจริง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิต เช่น เครียด วิตกกังวล นอนไม่หลับ หรือซึมเศร้า ที่โดดเด่นไปกว่านั้นคือ Holista Wiss ยังมี Postbiotic ซึ่งเป็นสารที่ได้จากการหมักของโพรไบโอติก ซึ่งช่วยให้ลำไส้ดูดซึมได้ดีขึ้น และส่งผลต่อระบบประสาทอย่างรวดเร็ว

อีกหนึ่งไฮไลต์คือการใส่สารสกัดระดับพรีเมียม Suntheanine® ซึ่งเป็นแอลธีอะนีน (L-Theanine) จากประเทศญี่ปุ่นที่มีความบริสุทธิ์สูงถึง 99.9% โดยมีงานวิจัยรับรองว่าสามารถ ผ่านแนวกั้นสมอง (Blood Brain Barrier) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยปรับสมดุล สารสื่อประสาทในสมอง เช่น เซโรโทนิน และโดพามีน ส่งผลให้อารมณ์ผ่อนคลาย หลับลึก และตื่นมาสดชื่น พร้อมเพิ่มความสามารถในการเรียนรู้และจดจำ

จุดเด่น:
Probiotic สูตร Psychobiotic พร้อม Prebiotic และ Postbiotic
มี Suntheanine® บริสุทธิ์ 99.9% จากญี่ปุ่น ผ่าน Blood Brain Barrier
ช่วยลดความเครียด ปรับอารมณ์ เพิ่มสารสื่อประสาทในสมอง
เหมาะกับผู้มีปัญหานอนหลับ อารมณ์ไม่คงที่ วิตกกังวล
ได้รับการรับรองความปลอดภัยทางการแพทย์

ปริมาณ: 1 กล่อง (15 ซอง)
ราคา: 1,890 บาท
ราคาพิเศษ: 1,290 บาท

วิธีเลือกโพรไบโอติก ให้ได้ผลดี

<รูปภาพ : probiotic>

ALT Text : how_to_eat_probiotic

ตามไปส่องโพรไบโอติก ยี่ห้อใช้ดี ที่หมอแนะนำกันมาแล้ว ได้รู้ว่าโพรไบโอติกมีหลายสายพันธุ์ และให้การดูแลได้ไม่เท่ากัน คราวนี้ลองตามมาดูวิธีเลือกโพรไบโอติกกันบ้างดีกว่า ว่าโพรไบโอติกที่ดี เลือกแล้วเหมาะกับตัวเรา ทานแล้วเห็นผลได้ประสิทธิภาพมากที่สุด ควรเลือกโพรไบโอติกยังไง ลองตามไปดูกันต่อเลย

  • เลือกจากส่วนประกอบหลัก หรือสารอาหารที่ได้รับ

ลองสังเกตดูจากตระกูลของเชื้อที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ส่วนใหญ่มาจากเชื้อแบคทีเรียในตระกูล Lactococcus ตระกูล Lactobacillus และ ตระกูล Bifidobacterium หรือเลือกจากเชื้อจุลินทรีย์ว่ากันว่าการมีหลาย ๆ เชื้อ มากกว่า 2 เชื้อขึ้นไป จะให้ประสิทธิภาพที่ดีกว่า แต่ไม่ควรเกิน 10 เชื้อ เพราะเชื้อจะแข่งขันกันเอง ทำให้ประสิทธิภาพลดลง และถ้าเกิดมีพรีไบโอติกเสริมด้วยจะยิ่งดี เพราะพรีไบโอติกเป็นอาหารที่ช่วยเสริมให้โพรไบโอติกทำงานได้ดียิ่งขึ้น

  • เลือกจากคุณสมบัติ และการใช้งาน

โพรไบโอติก เป็นตัวช่วยปรับสมดุลลำไส้ และช่วยบรรเทาได้ทั้งอาการท้องผูก แน่นท้อง และลำไส้ไว เข้าห้องน้ำวันละหลายรอบด้วย อย่าง อาการท้องผูก ถ่ายยาก ควรเลือกเป็น ไบฟิโดแบคทีเรียม แอนิมาลิส เป็นเชื้อที่ช่วยให้ขับถ่ายเร็วขึ้น ส่วนใครถ่ายบ่อย ควรเลี่ยงเชื้อไบฟิโดแบคทีเรียม แอนิมาลิสไว้ให้ดี และลองทานโพรไบโอติกตัวไหนก็ได้สัก 2-3 สัปดาห์ ถ้าหากกินแล้วการขับถ่ายดีขึ้น เป็นปกติ ไม่ถ่ายบ่อย ให้กินโพรไบโอติกตัวเดิมไปเรื่อย ๆ เน้นกินประจำ สม่ำเสมอ เพื่อให้โพรไบโอติกปรับสมดุลลำไส้

  • เลือกโพรไบโอติกที่ได้รับการรับรองจากองค์กรที่น่าเชื่อถือ

เดี๋ยวนี้มีอาหารเสริมโพรไบโอติกให้เลือกมากมาย ซึ่งบางครั้งอาจจะมีอาหารเสริมที่ไม่ได้มาตรฐานอยู่ด้วย จึงควรเลือกทานโพรไบโอติกที่มีคุณภาพ ที่การผลิตที่เป็นมาตรฐาน อย่างผลิตจากโรงงานที่ได้มาตรฐาน ระดับ GMP และ ISO 9001 ได้รับการรับรองจากองค์กรที่น่าเชื่อถือ ที่สำคัญต้องผ่านการรับรองจากอย. ( สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ) เพื่อความปลอดภัยในการรับประทาน

  • เลือกจากการเก็บรักษาได้ง่าย

อุณหภูมิในการเก็บรักษาโพรไบโอติก จะสัมพันธ์กับเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิต การเก็บรักษาในอุณหภูมิปกติสามารถบ่งบอกถึงเทคโนโลยีในการผลิตได้ เนื่องจากพบว่าถ้าใช้มาตรฐานการผลิตที่สูง ก็จะสามารถเก็บได้จนถึงที่อุณหภูมิห้อง โดยที่เชื้อยังมีชีวิตอยู่

  • เลือกจากความสะดวกในการทาน

โพรไบโอติกมีให้เลือกหลายรูปแบบทั้งแบบเม็ดแคปซูล แบบผงชงแล้วดื่ม หรือแบบเจลลี่ก็มีให้เลือก สามารถเลือกได้ตามความสะดวกในการทานของแต่ละคนได้เลย หรือถ้าเป็นโพรไบโอติกแบบผง จะมีข้อดีในการทานง่าย สามารถชงแล้วดื่ม หรือแกะซองเทกินได้เลย และยังสามารถนำไปผสมกับเครื่องดื่มเย็น เพิ่มรสชาติในการทานได้ดียิ่งขึ้นด้วย

ควรกินโพรไบโอติกปริมาณเท่าไหร่?

ปริมาณโพรไบโอติกที่ควรรับประทานต่อวัน จะอยู่ที่ 10-20 พันล้านตัวต่อวัน หรืออย่างต่ำ 10,000 ล้าน CFU ( หน่วยที่ใช้ตรวจปริมาณจุลินทรีย์ที่อยู่ในสินค้าและอาหารไม่ว่าจะเป็น นมเปรี้ยว หรือ อาหารเสริม )

ควรกินโพรไบโอติกตอนไหน?

โพรไบโอติกควรกินก่อนอาหารเล็กน้อยหรือพร้อมมื้ออาหาร เพื่อให้จุลินทรีย์โพรไบโอติกถูกส่งผ่านไปยังลำไส้ในขณะย่อยอาหาร และอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญก็คือความสม่ำเสมอในการรับโพรไบโอติกเข้าสู่ร่างกาย จึงควรเติมจุลินทรีย์โพรไบโอติกให้กับร่างกายในเวลาเดิมทุกวัน และเป็นประจำด้วย เพื่อให้ลำไส้มีสมดุลที่ดี

ข้อควรระวังในการทานโพรไบโอติก

  • ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานพร้อมนมและผลิตภัณฑ์จากนมบางชนิด อาจจะทำให้โพรไบโอติกไม่สามารถเจริญเติบโตได้เต็มที่

  • ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานโพรไบโอติกพร้อมกับยาปฏิชีวนะ หรือสารฆ่าเชื้ออื่น ๆ เพราะเชื่ออาจจะทำลายจุลินทรีย์เหล่านี้

  • ควรกินโพรไบโอติกยี่ห้อที่อยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ นักโภชนาการ หรือเภสัชกร และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด

  • บุคคลที่มีปัญหาสุขภาพเหล่านี้ไม่ควรรับประทาน เช่น ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง ผู้ที่กินยากดภูมิ เช่น โรค SLE รูมาตอยด์ โรคผิวหนังบางชนิด หรือผู้ที่เปลี่ยนถ่ายอวัยวะ ผู้ป่วยโรคมะเร็ง และผู้ที่รับยาเคมีบำบัด ผู้ป่วยโรคลำไส้แปรปรวน มีโรคประจำตัวร้ายแรง ผู้ที่รับประทานยาบางชนิด ควรปรึกษาคุณหมอส่วนตัวก่อนรับประทานโพรไบโอติก

สรุป โพรไบโอติก พรีไบโอติก ยี่ห้อไหนดี หมอแนะนำ

และนี่ก็คือ 3 โพรไบโอติก พรีไบโอติก ตัวเด็ดที่หมอแนะนำ ที่เรานำมาแบ่งปันเพื่อน ๆ ในบทความนี้ พร้อมกับทำความรู้จักกับโพรไบโอติกให้มากขึ้น ได้รู้แล้วว่านอกจากช่วยบำรุงปรับสมดุลลำไส้ โพรไบโอติกยังเป็นตัวช่วยเสริมภูมิต้านทานให้ร่างกายได้ดีอีกด้วย เรียกได้ว่าโปรไบโอติกเป็นจุลินทรีย์ที่ดีต่อร่างกายมาก ๆ เลยนะเนี่ย และที่ดีที่สุดคือเป็นผลดีต่อลำไส้ ระบบย่อยอาหารและการขับถ่าย สำหรับคนที่ขับถ่ายยาก มีปัญหาเรื่องลำไส้แนะนำให้ลองเลือกอาหารที่มีโพรไบโอติกมาทานดูแลลำไส้กันด่วน ๆ เลย

ใครมีปัญหาเรื่องการขับถ่ายยากจะเข้าใจดีว่าอาการท้องผูก มันอึดอัด ไม่สบายตัวขนาดไหน และนอกจากความรู้สึกอึดอัดท้อง ไม่ค่อยสบายตัว ปัญหาเรื่องลำไส้ ท้องผูก ขับถ่ายยาก ยังส่งผลต่อสุขภาพร่างกายในหลายด้านอีกด้วยนะ เพราะในเวลาที่เราไม่ค่อยได้ขับถ่ายออกมา อาจจะทำให้เกิดเชื้อโรคสะสมในร่างกาย ทำให้เกิดกลิ่นปากและกลิ่นตัว และยังส่งผลต่อโรคทางลำไส้ ไปจนถึงทำให้ผิวเสียได้ด้วย ซึ่งการเลือกทานสารอาหารที่ดีให้ประโยชน์แก่ร่างกาย เน้นที่มี Probiotic สูงก็เป็นอีกตัวช่วยหนึ่งในการฟื้นฟูลำไส้และการขับถ่ายให้ดีขึ้นได้

โดยโปรไบโอติก หรือโพรไบโอติกและพรีไบโอติก นั้นเป็นอีกหนึ่งในตัวช่วยสำคัญที่ช่วยดูแลลำไส้ได้ดี เพราะเป็นจุลินทรีย์มีชีวิตชนิดดีที่ช่วยให้ระบบลำไส้และระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น มีมากในผัก ผลไม้ และอาหารหมักดองที่มีประโยชน์อย่าง กิมจิ โยเกิร์ต ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็มีโพรไบโอติกและพรีไบโอติกในรูปแบบอาหารเสริมมาให้เลือกหลายยี่ห้อเลย นอกจากเลือกที่คุณประโยชน์และส่วนประกอบเป็นหลักแล้ว ต้องดูถึงความปลอยภัย น่าเชื่อถือด้วย บทความนี้เลยไม่พลาดเอา Top 3 โพรไบโอติกและพรีไบโอติกที่หมอนแนะนำ มาแบ่งปันเพื่อน ๆ กันด้วย จะมีโพรไบโอติก พรีไบโอติก ปรับสมดุลลำไส้ ยี่ห้อไหนดี ลองตามไปดูกัน

[H2] Top 3 โพรไบโอติก พรีไบโอติก ยี่ห้อไหนดี ที่หมอแนะนำ 2025

[H3] 1. Holista Gold โพรไบโอติก

<รูปภาพ : holista gold probiotic>

ALT Text : holista_gold_probiotic

มาเริ่มกันที่ตัวแรก Holista Gold สำหรับตัวนี้จะเป็นโพรไบโอติก ที่เด่นกว่าอีก 2 ตัวในรีวิว ตรงที่มีส่วนประกอบของ Probiotic ถึง 14 สายพันธุ์ เลยมีส่วนช่วยบำรุงและรักษาอาการต่าง ๆ ได้ค่อนข้างครอบคลุมกว่าตัวอื่น และยังรวบรวม 5 ราชาแห่งสารสกัดเรื่องปรับสมดุลระบบร่างกายเข้าไว้ด้วยกัน นอกจากนั้นยังมีพรีไบโอติก อาหารของโพรไบโอติก ตัวช่วยเสริมให้จุลินทรีย์โพรไบโอติกทำงานได้ดียิ่งขึ้น และยังมีสารอาหารดีต่อลำไส้อีกหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น SunFiber, GutGard, PLANT Enzyme, Apple Cider, และ Prune

ทานแล้วจะช่วยให้รู้สึกสบายตัว ท้องไม่อืดง่าย ถ่ายสุด อุจจาระสุขภาพดี ลดการอักเสบในร่างกาย ช่วยให้หลับสนิทขึ้น ตื่นมาสดชื่น สมองแจ่มใส ร่างกายดูดซึมสารอาหารและวิตามินไปใช้ได้เต็มที่  ลดกรดไหลย้อน บรรเทาโรคกระเพาะ ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย และอีกหนึ่งอย่างที่ Holista Gold เด่นกว่าตัวอื่นคือเป็นสูตรไม่มีน้ำตาล หมดกังวล เรื่องน้ำตาลสะสม ทั้งเขายังมีการการันตีด้วยรางวัลระดับโลก และได้รับสิทธิบัตร THREE LAYER Micro-Encapsulation มาแล้วด้วย

จุดเด่น  Probiotic 14 สายพันธุ์ มีสารอาหารดีต่อลำไส้หลายชนิด  ไม่มีน้ำตาล ทานง่าย ชงแล้วดื่ม มีจุลินทรีย์ตัวดี 30,000 ล้าน CFU

ปริมาณ 1 กล่อง (10 ซอง)

ราคา 2,190 บาท

ราคาพิเศษ 1,890 บาท

[H3] 2. Holista Plus โพรไบโอติก

<รูปภาพ : holista plus probiotic>

ALT Text : holista_plus_probiotic

มาต่อกันที่ Holista Plus สำหรับโพรไบโอติกตัวนี้จะเหมาะสำหรับคนที่ถ่ายยาก ถ่ายไม่สุด ท้องผูกบ่อย ๆ ลองตัวนี้แล้วน่าจะตอบโจทย์เลย เพราะ Holista Plus เขามีส่วนช่วยรีเซตลำไส้ให้กลับมาแข็งแรง ผ่านกระบวนการ 3 ขั้นตอนอย่างการซ่อมแซมสมานแผลตามผนังลำไส้ลดการอักเสบต่อมาช่วยปรับสมดุลจุลินทรีย์ดีและช่วยเสริมภูมิสร้างระบบภูมิในลำไส้ใหญ่ให้แข็งแรง

ด้วยสารสกัดโพรไบโอติกและพรีไบโอติก รวมกันถึง 9 ชนิด ตัวช่วยปรับสมดุลลำไส้ นอกจากนั้นยังมีสารสกัดช่วยบำรุงร่างกายอีกหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นสารสกัดขมิ้นชัน+คลอโรฟิลล์ ช่วยลดการอักเสบและสมานแผลในผนังลำไส้ สารสกัดไซเลี่ยมฮักซ์ ช่วยกำจัดของเสียตกค้าง ล้างเมือกที่เกาะตามลำไส้ และสารสกัดซุปเปอร์ฟรุตกว่า 10 ชนิด ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มภูมิคุ้มกันให้เซลล์ร่างกาย และอีกหนึ่งจุดเด่นของโพรไบโอติกตัวนี้คือไม่มีสารตกค้าง ไม่มีผลต่อตับและไต สามารถทานได้ต่อเนื่องในระยะยาวด้วย

จุดเด่น มีสารสกัดบำรุงลำไส้หลายชนิด ไม่มีสารตกค้าง ไม่มีผลต่อตับและไต

ปริมาณ 1 กล่อง (7 ซอง)

ราคา 1,890 บาท

ราคาพิเศษ 990 บาท

[H3] 3. Holista Wiss โพรไบโอติก สูตร Psychobiotic

<รูปภาพ : holista wiss probiotic>

ALT Text : holista_wiss_probiotic

ใครที่กำลังมองหา โพรไบโอติก ยี่ห้อไหนดี ที่ดูแลได้มากกว่าการขับถ่าย ต้องไม่พลาด Holista Wiss เพราะนี่คือผลิตภัณฑ์ โปรไบโอติก (Probiotic) สูตรพิเศษที่รวม โพรไบโอติก พรีไบโอติก และโพสต์ไบโอติก (Postbiotic) เข้าไว้ด้วยกันในสูตรเดียว พร้อมสารสำคัญที่มีงานวิจัยระดับโลกรองรับ

Holista Wiss เป็น สูตร Psychobiotic ที่ผสานแบคทีเรียโพรไบโอติก 3 ชนิด และ พรีไบโอติก (Prebiotic) 1 ชนิด ที่ได้รับการรับรองทางการแพทย์ว่าปลอดภัยและมีประสิทธิภาพจริง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิต เช่น เครียด วิตกกังวล นอนไม่หลับ หรือซึมเศร้า ที่โดดเด่นไปกว่านั้นคือ Holista Wiss ยังมี Postbiotic ซึ่งเป็นสารที่ได้จากการหมักของโพรไบโอติก ซึ่งช่วยให้ลำไส้ดูดซึมได้ดีขึ้น และส่งผลต่อระบบประสาทอย่างรวดเร็ว

อีกหนึ่งไฮไลต์คือการใส่สารสกัดระดับพรีเมียม Suntheanine® ซึ่งเป็นแอลธีอะนีน (L-Theanine) จากประเทศญี่ปุ่นที่มีความบริสุทธิ์สูงถึง 99.9% โดยมีงานวิจัยรับรองว่าสามารถ ผ่านแนวกั้นสมอง (Blood Brain Barrier) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยปรับสมดุล สารสื่อประสาทในสมอง เช่น เซโรโทนิน และโดพามีน ส่งผลให้อารมณ์ผ่อนคลาย หลับลึก และตื่นมาสดชื่น พร้อมเพิ่มความสามารถในการเรียนรู้และจดจำ

จุดเด่น:

Probiotic สูตร Psychobiotic พร้อม Prebiotic และ Postbiotic

มี Suntheanine® บริสุทธิ์ 99.9% จากญี่ปุ่น ผ่าน Blood Brain Barrier

ช่วยลดความเครียด ปรับอารมณ์ เพิ่มสารสื่อประสาทในสมอง

เหมาะกับผู้มีปัญหานอนหลับ อารมณ์ไม่คงที่ วิตกกังวล

ได้รับการรับรองความปลอดภัยทางการแพทย์

ปริมาณ: 1 กล่อง (15 ซอง)

ราคา: 1,890 บาท

ราคาพิเศษ: 1,290 บาท

[H2] วิธีเลือกโพรไบโอติก ให้ได้ผลดี

<รูปภาพ : probiotic>

ALT Text : how_to_eat_probiotic

ตามไปส่องโพรไบโอติก ยี่ห้อใช้ดี ที่หมอแนะนำกันมาแล้ว ได้รู้ว่าโพรไบโอติกมีหลายสายพันธุ์ และให้การดูแลได้ไม่เท่ากัน คราวนี้ลองตามมาดูวิธีเลือกโพรไบโอติกกันบ้างดีกว่า ว่าโพรไบโอติกที่ดี เลือกแล้วเหมาะกับตัวเรา ทานแล้วเห็นผลได้ประสิทธิภาพมากที่สุด ควรเลือกโพรไบโอติกยังไง ลองตามไปดูกันต่อเลย

  • [H3] เลือกจากส่วนประกอบหลัก หรือสารอาหารที่ได้รับ

ลองสังเกตดูจากตระกูลของเชื้อที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ส่วนใหญ่มาจากเชื้อแบคทีเรียในตระกูล Lactococcus ตระกูล Lactobacillus และ ตระกูล Bifidobacterium หรือเลือกจากเชื้อจุลินทรีย์ว่ากันว่าการมีหลาย ๆ เชื้อ มากกว่า 2 เชื้อขึ้นไป จะให้ประสิทธิภาพที่ดีกว่า แต่ไม่ควรเกิน 10 เชื้อ เพราะเชื้อจะแข่งขันกันเอง ทำให้ประสิทธิภาพลดลง และถ้าเกิดมีพรีไบโอติกเสริมด้วยจะยิ่งดี เพราะพรีไบโอติกเป็นอาหารที่ช่วยเสริมให้โพรไบโอติกทำงานได้ดียิ่งขึ้น

  • [H3] เลือกจากคุณสมบัติ และการใช้งาน

โพรไบโอติก เป็นตัวช่วยปรับสมดุลลำไส้ และช่วยบรรเทาได้ทั้งอาการท้องผูก แน่นท้อง และลำไส้ไว เข้าห้องน้ำวันละหลายรอบด้วย อย่าง อาการท้องผูก ถ่ายยาก ควรเลือกเป็น ไบฟิโดแบคทีเรียม แอนิมาลิส เป็นเชื้อที่ช่วยให้ขับถ่ายเร็วขึ้น ส่วนใครถ่ายบ่อย ควรเลี่ยงเชื้อไบฟิโดแบคทีเรียม แอนิมาลิสไว้ให้ดี และลองทานโพรไบโอติกตัวไหนก็ได้สัก 2-3 สัปดาห์ ถ้าหากกินแล้วการขับถ่ายดีขึ้น เป็นปกติ ไม่ถ่ายบ่อย ให้กินโพรไบโอติกตัวเดิมไปเรื่อย ๆ เน้นกินประจำ สม่ำเสมอ เพื่อให้โพรไบโอติกปรับสมดุลลำไส้

  • [H3] เลือกโพรไบโอติกที่ได้รับการรับรองจากองค์กรที่น่าเชื่อถือ

เดี๋ยวนี้มีอาหารเสริมโพรไบโอติกให้เลือกมากมาย ซึ่งบางครั้งอาจจะมีอาหารเสริมที่ไม่ได้มาตรฐานอยู่ด้วย จึงควรเลือกทานโพรไบโอติกที่มีคุณภาพ ที่การผลิตที่เป็นมาตรฐาน อย่างผลิตจากโรงงานที่ได้มาตรฐาน ระดับ GMP และ ISO 9001 ได้รับการรับรองจากองค์กรที่น่าเชื่อถือ ที่สำคัญต้องผ่านการรับรองจากอย. ( สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ) เพื่อความปลอดภัยในการรับประทาน

  • [H3] เลือกจากการเก็บรักษาได้ง่าย

อุณหภูมิในการเก็บรักษาโพรไบโอติก จะสัมพันธ์กับเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิต การเก็บรักษาในอุณหภูมิปกติสามารถบ่งบอกถึงเทคโนโลยีในการผลิตได้ เนื่องจากพบว่าถ้าใช้มาตรฐานการผลิตที่สูง ก็จะสามารถเก็บได้จนถึงที่อุณหภูมิห้อง โดยที่เชื้อยังมีชีวิตอยู่

  • [H3] เลือกจากความสะดวกในการทาน

โพรไบโอติกมีให้เลือกหลายรูปแบบทั้งแบบเม็ดแคปซูล แบบผงชงแล้วดื่ม หรือแบบเจลลี่ก็มีให้เลือก สามารถเลือกได้ตามความสะดวกในการทานของแต่ละคนได้เลย หรือถ้าเป็นโพรไบโอติกแบบผง จะมีข้อดีในการทานง่าย สามารถชงแล้วดื่ม หรือแกะซองเทกินได้เลย และยังสามารถนำไปผสมกับเครื่องดื่มเย็น เพิ่มรสชาติในการทานได้ดียิ่งขึ้นด้วย

[H2] ควรกินโพรไบโอติกปริมาณเท่าไหร่?

ปริมาณโพรไบโอติกที่ควรรับประทานต่อวัน จะอยู่ที่ 10-20 พันล้านตัวต่อวัน หรืออย่างต่ำ 10,000 ล้าน CFU ( หน่วยที่ใช้ตรวจปริมาณจุลินทรีย์ที่อยู่ในสินค้าและอาหารไม่ว่าจะเป็น นมเปรี้ยว หรือ อาหารเสริม )

[H2] ควรกินโพรไบโอติกตอนไหน?

โพรไบโอติกควรกินก่อนอาหารเล็กน้อยหรือพร้อมมื้ออาหาร เพื่อให้จุลินทรีย์โพรไบโอติกถูกส่งผ่านไปยังลำไส้ในขณะย่อยอาหาร และอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญก็คือความสม่ำเสมอในการรับโพรไบโอติกเข้าสู่ร่างกาย จึงควรเติมจุลินทรีย์โพรไบโอติกให้กับร่างกายในเวลาเดิมทุกวัน และเป็นประจำด้วย เพื่อให้ลำไส้มีสมดุลที่ดี

[H2] ข้อควรระวังในการทานโพรไบโอติก

  • [H3] ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานพร้อมนมและผลิตภัณฑ์จากนมบางชนิด อาจจะทำให้โพรไบโอติกไม่สามารถเจริญเติบโตได้เต็มที่
  • [H3] ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานโพรไบโอติกพร้อมกับยาปฏิชีวนะ หรือสารฆ่าเชื้ออื่น ๆ เพราะเชื่ออาจจะทำลายจุลินทรีย์เหล่านี้
  • [H3] ควรกินโพรไบโอติกยี่ห้อที่อยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ นักโภชนาการ หรือเภสัชกร และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด
  • [H3] บุคคลที่มีปัญหาสุขภาพเหล่านี้ไม่ควรรับประทาน เช่น ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง ผู้ที่กินยากดภูมิ เช่น โรค SLE รูมาตอยด์ โรคผิวหนังบางชนิด หรือผู้ที่เปลี่ยนถ่ายอวัยวะ ผู้ป่วยโรคมะเร็ง และผู้ที่รับยาเคมีบำบัด ผู้ป่วยโรคลำไส้แปรปรวน มีโรคประจำตัวร้ายแรง ผู้ที่รับประทานยาบางชนิด ควรปรึกษาคุณหมอส่วนตัวก่อนรับประทานโพรไบโอติก

[H2] สรุป โพรไบโอติก พรีไบโอติก ยี่ห้อไหนดี หมอแนะนำ

และนี่ก็คื 3 โพรไบโอติก พรีไบโอติก ตัวเด็ดที่หมอแนะนำ ที่เรานำมาแบ่งปันเพื่อน ๆ ในบทความนี้ พร้อมกับทำความรู้จักกับโพรไบโอติกให้มากขึ้น ได้รู้แล้วว่านอกจากช่วยบำรุงปรับสมดุลลำไส้ โพรไบโอติกยังเป็นตัวช่วยเสริมภูมิต้านทานให้ร่างกายได้ดีอีกด้วย เรียกได้ว่าโปรไบโอติกเป็นจุลินทรีย์ที่ดีต่อร่างกายมาก ๆ เลยนะเนี่ย และที่ดีที่สุดคือเป็นผลดีต่อลำไส้ ระบบย่อยอาหารและการขับถ่าย สำหรับคนที่ขับถ่ายยาก มีปัญหาเรื่องลำไส้แนะนำให้ลองเลือกอาหารที่มีโพรไบโอติกมาทานดูแลลำไส้กันด่วน ๆ เลย

Post Views: 14